วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
เพลง
เนื้อเพลงค่ะ
รอเธอ รอจะพบเธอมาตั้งหลายวัน รอเธอ เพื่อจะพูดกันเรื่องที่ค้างคา ขอบคุณอีกครั้ง ที่วันนี้เสียเวลามา ก็เข้าเรื่องเลยนะ บอกลากันซะทีจะดีมั้ย *ยื้อก็เหมือนเราจะยิ่งเหนื่อย รักไม่ช่วยอะไรเลย ฉันไม่ยอมเปลี่ยน..เธอไม่ยอมเปลี่ยน ยังคงทำตัวเหมือนเคยๆ ปรับความเข้าใจกันไปมันก็ซ้ำเก่า ทั้งๆ ที่รักกันแต่เราเข้ากันไม่ได้เลย เมื่อเราต่างไม่เคยจะยอมลด ก็ควรจะลา ใจจริง ก็ยังเสียใจและก็เสียดาย เธอเองคงจะเสียใจคงไม่แพ้กัน แต่ว่าอย่างน้อยก็เคยใช้ชีวิตร่วมกัน จะเก็บในใจฉันว่าเราเคยรักกันมากแค่ไหน (ซ้ำ *) ชีวิตเรา เราคืนให้กัน วันที่แสนสุข วันที่แสนเศร้า กับเรามันคงเป็นแค่วันวาน อะไรที่แล้วมา ขอให้ผ่านไปไม่ติดค้างกัน นับตั้งแต่นี้ เราเป็นแค่เส้นขนาน ที่คงไม่มีวันกลับมาเจอ (ซ้ำ *)
เพลง : เหลวแหลก
ศิลปิน :ไฮเปอร์
อัลบั้ม : ใส่ร้ายป้ายสี
รู้ว่าเธอไม่เข้าใจ ว่าทำไมต้องเฉยชา ทั้งที่เธอทุ่มเทให้ฉัน... ทั้งใจ ก็ฉันยังกลัว ไม่กล้าเอ่ยคำบอกรักไป ถึงแม้ว่าใจจะมีแต่เธอเสมอมา * เพราะมีบางอย่าง ที่ค้างคาอยู่ในใจ มันคืออดีต ที่ยากเกินกว่าใจฉันจะลบเลือน ** ถ้าฉันเคยเหลวแหลก แล้วเธอจะยังรักไหม ถ้าฉันเคยเป็นของใคร แล้วเธอรับได้หรือเปล่า ถ้าหัวใจที่ให้เธอ...ดวงนี้ ยังมีรอยแผลเก่า อยากรู้ว่าเธอจะรักกันอีกไหม ฉันต้องทนตั้งเท่าไหร่ เพื่อให้ใจที่รักเธอ ซ่อนอาการที่จะเปิดเผยรักไป ก็คิดว่าฉันไม่คู่ควรเธอสักเท่าไร เพราะรู้ว่าใจมันคงไม่มีคุณค่าพอ
(*,**) (**)
เนื้อเพลง: หวั่นไหว อัลบั้ม: Drive
รู้ก็ทั้งรู้ว่าเธอเป็นใคร และฉันก็ไม่คิดจะปีนขึ้นไป คงไม่มีทางจะเป็นไปได้ ก็เรานั้นมันต่างกัน ทำได้แค่เพียงเจียมตัวมันไป วัน วัน ฉันเข้าใจ แต่ฉันก็ไม่รู้เพราะความบังเอิญ หรืออันที่จริงฉันนันจงใจ เวลาที่เธอมายืนใกล้ ใกล้ ก็ยังเผลอไปสบตา รู้ก็ทั้งรู้ว่าคงไม่มีปัญญา คงไม่มีหวัง ไม่อยากจะเหลียวมอง ฉันคอยบอกตัวเอง แต่ยังทำไม่ได้ ไม่อยากจะสนใจ รู้ว่าไม่มีทาง แต่ก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไร อดใจไม่ไหวเมื่อได้พบหน้า ยิ่งเธอส่งยิ้มคืนมายังหวั่นไหว ยังเป็นอย่างนี้อยู่ทุกวัน ฉันต้องคอยหักห้ามใจ (มันยังอดใจไม่ได้ มันยังห้ามใจไม่ได้) อดใจไม่ไหวทุกทีที่เจอ เพียงแค่แอบเผลอมองตา จะผิดไหม เก็บเอาไปฝันอยู่ทุกคืน ฉันต้องทำตัวเช่นไร ช่วยบอกได้ไหมเธอ
เครดิตจาก www.siamzone.com ขอบคุณคร่า
วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
สูตรคณิตศาสตร์
สมการกำลังสอง
เราสามารถหาคำตอบของสมการ ax2 + bx + c = 0 ได้จากสูตร x = เมื่อ a, b, c เป็นค่าคงตัว a 0 และ b2 – 4ac 0 สมการกำลังสอง ax2 + bx + c = 0 เมื่อ a, b, c เป็นค่าคงตัว a 0 และ b2 – 4ac <>
พหุนาม
เอกนาม คือ นิพจน์ที่สามารถเขียนให้อยู่ในรูปการคูณของค่าคงตัวกับตัวแปรตั้งแต่หนึ่งตัวขึ้นไป โดยที่เลขชี้กำลังของตัวแปรแต่ละตัวเป็นศูนย์หรือจำนวนเต็มบวก พหุนาม คือ นิพจน์สามารถเขียนในรูปเอกนามหรือสามารถเขียนในรูปการบวกของเอกนามตั้งแต่สองเอกนามขึ้นไป การแยกตัวประกอบของพหุนาม การแยกตัวประกอบของพหุนาม คือ การเขียนพหุนามนั้นในรูปของการคูณของพหุนามที่มีดีกรีต่ำกว่า พหุนามดีกรีสองตัวแปรเดียว คือ พหุนามที่เขียนได้ในรูป ax2 + bx +cเมื่อ a, b, c เป็นค่าคงตัวที่a 0 และ x เป็นตัวแปร การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง x2+ bx + c เมื่อ b และ c เป็นจำนวนเต็ม ทำได้เมื่อสามารถหาจำนวนเต็มสองจำนวนที่คูณกันได้ c และ บวกกันได้ b ให้ d และ e แทนจำนวนเต็มสองจำนวนดังกล่าว ดังนั้น de = c d + e = b ฉะนั้น x2 + bx + c = x2 + (d + e)x + de = ( x2 + dx ) + ( ex + de ) = ( x + d )x + ( x + d )e = ( x + d ) ( x + e ) ดังนั้น x2 + bx +c แยกตัวประกอบได้เป็น ( x + d ) ( x + e ) ตัวอย่าง (6x-5) (x+1) = (6x-5) (x) + (6x-5) (1) = 6x2 – 5x + 6x – 5 = 6x2 + (5x+6x) – 5 = 6x2 -5x +6x -5 = 6x2 + x – 5 จากตัวอย่างข้างต้น อาจแสดงวิธีหาพหุนามที่เป็นผลลัพธ์ได้ดังนี้ 1. (6x – 5)(x + 1) = 6x2 - พจน์หน้าของพหุนามวงเล็บแรก x พจน์หน้าของพหุนามวงเล็บหลัง = พจน์หน้าของพหุนามของผลลัพธ์ 2. (6x - 5)(x + 1) = -5 -พจน์หลังของพหุนามวงเล็บแรก x พจน์หลังของพหุนามวงเล็บหลัง = พจน์หลังของพหุนามของผลลัพธ์ 3. (6x – 5)(x + 1) = 6x + (-5x ) - พจน์หน้าของพหุนามวงเล็บแรก x พจน์หลังของพหุนามวงเล็บหลัง + พจน์หน้าของพหุนามวงเล็บแรก x พจน์หน้าของพหุนามวงเล็บหลัง พจน์กลางของพหุนามที่เป็นผลลัพธ์ การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองที่เป็นกำลังสองสมบูรณ์ กำลังสองสมบูรณ์ คือ พหุนามดีกรีสองที่แยกตัวประกอบแล้วได้ตัวประกอบเป็นพหุนามดีกรีหนึ่งซ้ำกัน ดังนั้น พหุนามดีกรีสองที่เป็นกำลังสองสมบูรณ์แยกตัวประกอบได้ดังนี้ x2 + 2ax + a2 = ( x + a )2 x2 – 2ax + a2 = ( x – a )2 รูปทั่วไปของพหุนามที่เป็นกำลังสองสมบูรณ์คือ a2 +2ab + b2 และ a2 -2ab +b2 เมื่อ a และ b เป็นพหุนาม แยกตัวประกอบได้ดังนี้ สูตร a2 +2ab + b2 = ( a + b )2 a2 -2ab +b2 = (a-b)2 การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองที่เป็นผลต่างของกำลังสอง พหุนามดีกรีสองที่สามารถเขียนได้ในรูป x2 – a2 เมื่อ a เป็นจำนวนจริงบวกเรียกว่า ผลต่างของกำลังสอง จาก x2 – a2 สามารถแยกตัวประกอบได้ดังนี้ x2 – a2 = ( x + a ) ( x – a ) สูตร x2 – a2 = ( x + a ) (x-a) การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองโดยวิธีทำเป็นกำลังสองสมบูรณ์ การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสอง x2 + bx + c โดยวิธีทำเป็นกำลังสองสมบูรณ์ สรุปได้คือ 1. จัดพหุนามที่กำหนดให้อยู่ในรูป x2 + 2px +c หรือ x2 -2px +c เมื่อ p เป็นจำนวนจริงบวก 2. ทำบางส่วนของพหุนามที่จัดไว้ในข้อ 1 ให้อยู่ในรูปกำลังสองสมบูรณ์ โดยนำกำลังสองของ p บวกเข้าและลบออกดังนี้ x2 + 2px +c = ( x2 + 2px + p2 ) – p2 + c = ( x + p)2 – ( p2 - c ) x2 – 2px + c = ( x2 - 2px + p2 ) – p2 + c = ( x - p)2 – ( p2 - c ) 3. ถ้า p2 – c = d2 เมื่อ d เป็นจำนวนจริงบวกจากข้อ 2 จะได้ x2 + 2px + c = ( x + p)2 – d2 x2 - 2px + c = ( x - p)2 – d2 4. แยกตัวประกอบของ ( x + p )2 – d2 หรือ ( x – p )2 – d2 โดยใช้สูตรการแยกตัวประกอบของผลต่างของกำลังสอง การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสูงกว่าสองที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเต็ม พหุนามที่อยู่ในรูป A3 + B3 และ A3 - B3 ว่าผลบวกของกำลังสาม ตามลำดับ สูตร A3 + B3 = ( A + B )( A2 –AB + B2) A3 - B3 = ( A - B )( A2 +AB + B2)
การทดลองสุ่ม คือ การกระทำที่เราทราบว่าผลทั้งหมดที่อาจจะเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง แต่ไม่สามารถบอกอย่างถูกต้องแน่นอนว่าจะเกิดผลอะไรจากผลทั้งหมดที่เป็นไปได้เหล่านั้น จากการทดลองสุ่มและเราสามารถเขียนทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นจากการทดลองสุ่มได้ โดยอาจใช้แผนภาพช่วย แซมเปิลสเปซ คือ กลุ่มของผลลัพธ์ที่อาจเป็นไปได้ทั้งหมดจากการทดลองสุ่ม ความน่าจะเป็นทางปฏิบัติ = - ความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ใดๆ จะเป็นจำนวนใดจำนวนหนึ่งตั้งแต่ 0 ถึง 1
สถิติ
ในเรื่องสถิตินี้ประกอบไปด้วย 1.ตารางแจกแจงความถี่ จะประกอบด้วย 1. อันตรภาคชั้น คือ ช่วงของตัวเลขที่แบ่งเป็นชั้นๆในตารางแจกแจงความถี่ 2. ข้อมูลดิบ คือ ข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งข้อมูลโดยตรง 3. ความถี่ คือ จำนวนของข้อมูลดิบในแต่ละช่วงของอันตรภาคชั้น ความรู้ในการสร้างตารางแจกแจงความถี่ 1. ในการสร้างตารางแจกแจงความถี่ จำนวนอันตรภาคชั้นที่นิยมใช้กันคือ 5 ถึง 15 อันตรภาคชั้นตามความมากน้อยของข้อมูล 2. ในการสร้างตารางแจกแจงความถี่ ความกว้างของอันตรภาคชั้นไม่จำเป็นต้องเท่ากันทุกชั้น 3. ในกรณีที่มีคะแนนดิบเป็นจำนวนมากๆ ถ้าค่าที่น้อยที่สุดและค่าที่มากที่สุดของอันตรภาคชั้นเป็นค่าที่สังเกตได้ง่าย การบันทึกกร่อยคะแนนจะสะดวกขึ้น 2.ขอบล่าง = ค่าที่น้อยที่สุดของอันตรภาคชั้นนั้น + ค่าที่มากที่สุดของอันตรภาคชั้นที่ต่ำกว่าหนึ่งชั้น/2 3.ขอบบน = ค่าที่มากที่สุดของอันตรภาคชั้นนั้น + ค่าที่น้อยที่สุดของอันตรภาคชั้นที่สูงกว่าหนึ่งชั้น/2 4. ความกว้างของอันตรภาคชั้น = ขอบล่าง – ขอบบน 5. จุดกึ่งกลางชั้น= หรือ จุดกึ่งกลางชั้น = ค่าที่น้อยที่สุดของอันตรภาคชั้น + ค่าที่มากที่สุดของอันตรภาคชั้น/2 6. ค่ากลางของข้อมูล ค่ากลางของข้อมูล คือ ค่าที่สามารถนำมาแทนข้อมูลกลุ่มนั้นๆ เพื่อที่จะใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลนั้นๆได้ ค่ากลางของข้อมูล สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิดใหญ่ๆ ได้แก่ 1. ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ได้จากการหารผลบวกของข้อมูลทั้งหมดด้วยจำนวนข้อมูล 2. ฐานนิยม คือ ข้อมูลที่มีความถี่สูงสุดในข้อมูลนั้น 3. มัธยมฐาน คือ ค่าที่อยู่กึ่งกลางของข้อมูลทั้งหมดซึ่งเมื่อเรียงข้อมูลชุดนั้นจากน้อยไปมาก หรือจากมาไปน้อยแล้ว ข้อมูลที่มากกว่าค่านั้น
เครดิตhttp://k.domaindlx.com/mymath/math12.htm